วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

IFS Fair value 3.53 บาท


บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ณ วันที่ 26/02/56
ราคาตลาดที่   3.02    บาท
P/E             15.29    บาท
P/BV           1.63  บาท
มีปันผล 0.12 บาท
- XD  05/03/13
- ปันผล  15/05/13 
ธุรกิจ  เงินทุนและหลักทรัพย์

บล.เอเซีย พลัส : IFS แนะนำซื้อ Fair value 3.53 บาท  

กำไร 4Q55 ขึ้นทำ new high ตามคาด…แม้สินเชื่อต่ำคาด NPL เดินหน้าลดต่อเนื่อง     
               IFS ประกาศกำไรสุทธิ 4Q55 เท่ากับ 32 ล้านบาท ยังคงขึ้นทำระดับสูงสุดในรายไตร
มาส โดยเติบโตต่อนเนื่อง 3.2% qoq และ 194% yoy ผลักดันให้กำไรสุทธิทั้งปี 2555 เพิ่มขึ้น
มาที่ 112 ล้านบาท และขึ้นทำระดับสูงสุดในรายปีเช่นกัน โดยเติบโตถึง 64.7% yoy โดยปัจจัย
บวกที่สนับสนุนการเติบโตของกำไรสุทธิใน 4Q55 เกิดจาก   1)  การเติบโตของรายได้ดอกเบี้ย
สุทธิถึง 6% qoq และ 44.4% qoq ตามการเติบโตเชิงรุกอย่างต่อเนื่องของทั้งสินเชื่อแฟคตอ
ริ่ง (+5.5% qoq และ 56.1% yoy) และลีสซิ่ง (+6.8% qoq และ 51.1% yoy) โดยสินเชื่อสุทธิ
รวมในงวดนี้เติบโตเฉลี่ย  5.4% qoq โดยรวมแล้ว สินเชื่อสุทธิทั้งปี 2555 ของ IFS จึงเติบโต
ถึง  53.3% yoy แม้จะต่ำกว่าเป้าทั้งปี 2555 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ ที่ 58.5% yoy เล็กน้อย แต่ก็
ถือว่าเป็นการเติบโตระดับสูงมากจากความต้องการสินเชื่อแฟคตอริ่งที่แข็งแกร่งภายใต้สภาพ
แวดล้อมที่เอื้ออำนวยจากอัตราดอกเบี้ยในระบบที่ยังทรงตัวระดับต่ำ อีกทั้งการที่บิลลูกหนี้การค้า
ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่บริษัทฯ รับซื้อส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและเน้นการ
กระจายตัวของพอร์ตสินเชื่อออกไปในหลายภาคอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยว
เนื่องกับรถยนต์ (สัดส่วนสูงสุดเกือบ 13% ของยอดสินเชื่อแฟคตอริ่งรวม) รับเหมาก่อสร้าง ชิ้น
ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร เป็นอาทิ ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มที่ยังมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2-
3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ NIM พบว่าปรับตัวลดลงกว่า 27bp มาที่ 8.33% ส่วน
ใหญ่เป็นผลจากการลดลงของ Yield ทั้งในกลุ่มสินเชื่อลีสซิ่งและแฟคตอริ่ง น่าจะเป็นผลจากการ
แข่งขันในอุตสาหกรรม ขณะที่ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายยังค่อนข้างทรงตัวจากงวดที่ผ่านมาที่ราว 
3.84% และ 2)  Cost to income ratio เดินหน้าปรับตัวลดลงเหลือเพียง  34.4% ต่ำสุดในราย
ไตรมาสในรอบหลายปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ที่เร่งตัวมากกว่าต้น
ทุน (เกิดการประหยัดจากขนาด)  อย่างไรก็ตาม แม้ในงวดนี้จะเห็นการตั้งสำรองหนี้ฯ เพิ่มบ้าง 
จากที่มีการโอนกลับต่อเนื่องในช่วง 2 ไตรมาสก่อนหน้า สวนทางกับ NPL โดยรวมที่ปรับตัวลด
ลง ซึ่งดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จึงทำให้ Coverage ratio ของบริษัทฯ 
เพิ่มขึ้นมาที่ 106.4% ณ สิ้นปี 2555 จาก 101.6%  

ปีทองต่อเนื่องอีกปีในปี’56 อุตสาหกรรมสดใส โอกาสเติบโตสูงเกินเป้ายังมีให้เห็น
              ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มธุรกิจปี 2556 ของ IFS ตามภาวะอุตสาหกรรม
โดยรวมที่ยังสดใสภายใต้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในระบบที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ช่วยหนุนความ
ต้องการสินเชื่อของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจที่กล่าวข้างต้น บวกกับการเจาะฐานลูกค้าระดับ
ล่าง ซึ่งไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสถาบันการเงินต่างๆ โดยบริษัทฯ ยังตั้งเป้าการเติบโตของ
สินเชื่อสุทธิรวมปี 2556-57 อย่างระมัดระวังที่ 15-20% p.a.  เช่นเดียวกับปี 2555 (แต่การ
เติบโตจริงกลับสูงเกินเป้าหมายมาก) ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ 
IFS ในปี 2556-57 ที่คาดว่าจะยังเดินหน้าขึ้นทำ new high ในรายปี ด้วยการเติบโตเฉลี่ยไม่
ต่ำกว่า 20% p.a. ในช่วง 2 ปีข้างหน้า   

หุ้นพื้นฐานดีแถมยังราคาถูกมากและยังให้ Div yield สูงจูงใจ...แนะนำซื้อ      
               ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อ IFS โดยกำหนด Fair value ปี 2556 ที่ระดับ PER 12 เท่า คือ 
3.53 บาท ยังมี upside กว่า 18% จากราคาปัจจุบัน ด้วยคาดการณ์ PER ปี 2556 ที่จะลดลง
เหลือ 10.2 เท่า บวกกับคาดการณ์  Div yield ปี 2556-57 สูงเฉลี่ยถึง 5-6% p.a. (จ่ายปีละ
ครั้ง) ภายใต้คาดการณ์ Payout ratio ที่ระดับ 50% ของกำไรสุทธิ โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ประกาศ
จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2555 ที่ 0.12 บาท/หุ้น คิดเป็น Div yields ราว 4% p.a. กำหนดขึ้น
เครื่องหมาย XD วันที่ 5 มี.ค.56 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 15 พ.ค.56       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น