วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

KTC ราคาเหมาะสมที่ 45


บล.ฟิลลิป : KTC ราคาเหมาะสมที่ 45 บาท แนะนำ “ทยอยซื้อ”

มีแผนสร้างความภักดี และเพิ่มการใช้จ่ายของลูกค้า
	ในปีที่ผ่านมา KTC มีแผนในการปรับปรุงการทำงานภายในหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
การปรับปรุงระบบไอที การปรับปรุงระบบคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนี้การตั้งสำรองหนี้เสีย และการ
ตั้งสำรองคะแนนสะสมส่งผลให้ผลประกอบการในช่วง 1Q55 ยังมีผลขาดทุน แต่ในปีนี้การปรับ
ปรุงระบบภายในต่าง ๆ แล้วเสร็จเกือบหมดแล้ว ทำให้ KTC นั้นจะกลับมารุกการทำตลาดบัตร
เครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลอีกครั้ง โดยมีแผนที่จะเพิ่มความภักดีของลูกค้า และเพิ่มการใช้จ่าย
ผ่านบัตรโดยจะอาศัยแคมเปญทางการตลาดต่าง ๆ และการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์กับ 
KTB เพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่าย

คาดปี 2556 ผลการดำเนินกลับมาเป็นปกติ เติบโตถึง 156 %y-y
	ในปี 2554 รวมไปถึง 1Q55 ที่ผ่านมา KTC ประสบกับปัญหาการตั้งสำรองจำนวน
มาก จนผลประกอบการขาดทุน แต่หลังจากนั้น KTC ได้กลับมาตั้งสำรองตามปกติส่งผลให้ผล
ประกอบการปี 2555 พลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้ 255 ล้านบาท หลังจากปี 2554 มีผลขาดทุนสูง
ถึง 1.6 พันล้านบาท ส่วนปี 2556 จากการปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายใน การควบคุมค่าใช้
จ่าย และการตั้งสำรองตามปกติทำให้เราคาดว่า KTC จะมีกำไรสุทธิ 652 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ปี 2555 ถึง 156 %y-y

กลับมาจ่ายปันผลได้อีกครั้ง 0.40 บาท/หุ้น
	จากผลประกอบการที่มีกำไรในปี 2555 ทำให้ KTC กลับมาจ่ายปันผลได้อีกครั้ง หลัง
จากงดจ่ายไปในปี 2554 ที่มีผลขาดทุนหนัก โดยกลับมาจ่ายได้ 0.40 บาท/หุ้น คิดเป็น 
Dividend yield 1% โดยจะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 4 มี.ค. 2556 และจะมีการจ่าย
วันที่ 12 พ.ค. 2556 ส่วนปี 2556 เราคาดว่า KTC จะมีการจ่ายปันผล 1 บาท/หุ้น คิดเป็น 
Dividend yield 2.6%

การจ่ายปันผลที่ลดลง ช่วยลดความเสี่ยงในการเพิ่มทุน
	การจ่ายปันผลของ KTC จากผลประกอบการปี 2555 ที่ 0.40 บาท/หุ้นนั้นคิดเป็น
อัตราการจ่ายที่ 40% น้อยกว่าการจ่ายปันผลในอดีตที่ KTC จะมีการจ่ายปันผลประมาณ 51 – 
59% ของกำไรต่อหุ้น แต่เรามองว่าอัตราการจ่ายปันผลที่น้อยลงนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงในการ
เพิ่มทุน โดย ณ สิ้นปี 2555 KTC มีระดับหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 8.5 เท่า และเราคาดว่าจะลดลงเหลือ
ประมาณ 7.7 เท่าในปี 2556

ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 45 บาท ปรับคำแนะนำเป็น “ทยอยซื้อ”
	จากผลการดำเนินงานที่เราคาดว่าจะพลิกฟื้นขึ้นอย่างมากในปี 2556 เราจึงปรับ P/E 
ที่ใช้ในการประเมินราคาพื้นฐานขึ้นมาเป็น 18 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย P/E ย้อนหลัง 5 ปี +2SD 
ซึ่งยังเป็นระดับ P/E ที่ต่ำกว่า P/E เฉลี่ยของกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ในขณะนี้ที่อยู่ที่ 19 เท่า 
ทำให้ได้ราคาพื้นฐานใหม่ที่ 45 บาท จากเดิมที่ 30.30 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับราคาในปัจจุบัน
เหลือ Upside gain 13% เราจึงปรับคำ แนะนำ ขึ้นเป็น “ทยอยซื้อ” จากเดิมแนะนำ “ถือ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น