บลจ.ไทยพาณิชย์ ออกกองทุนไชน่าทริกเกอร์ 5.55% ฟันด์1 ลุยหุ้นจีน
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทย
พาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนใหม่ซึ่งเป็นกองทุนประ
เภททริกเกอร์ที่ลงทุนในหุ้นจีน คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไชน่า ทริกเกอร์ 5.55% ฟันด์1
(SCB CHINA TRIGGER 5.55% FUND 1 : SCBTCE1) อายุประมาณ 5 เดือน มูลค่า
500 ล้านบาท เสนอขายวันที่ 14 – 20 มีนาคม 2556 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไชน่า ทริกเกอร์ 5.55% ฟันด์1 มีนโยบายเน้นลงทุน
ในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศประเภท Exchange Traded Fund (Equity
ETF) ได้แก่ Hang Seng H-Share Index ETF (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว (Feeder
Fund) เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนกองทุนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของ
กองทุนให้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี Hang Seng China
Enterprises Index (H-Share Index) ให้มากที่สุด ซึ่งกองทุนทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อ
ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์ฮ่องกงเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาท ไม่น้อย
กว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศตลอดเวลา
ทั้งนี้กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไชน่า ทริกเกอร์ 5.55% ฟันด์1 ได้กำหนดเป้าหมาย
ทริกเกอร์ภายใน 5 เดือนแรก คือหากมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.7571 บาทต่อ
หน่วย เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน บริษัทฯ จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในอัตราไม่
ต่ำกว่า 10.6679 บาทต่อหน่วย ภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่ทริกเกอร์ หากกองทุนไม่
ทริกเกอร์ในระยะเวลาที่กำหนด กองทุนจะบริหารต่อเป็นกองทุนเปิด โดยผู้ถือหน่วยลงทุน
สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการที่กำหนด
นางโชติกา กล่าวว่า เศรษฐกิจประเทศจีนมีแนวโน้มค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น จากนโยบาย
รัฐบาลกลับมาให้ความสนใจการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น ด้วยนโยบายการเงินผ่อนคลาย
และการส่งออกฟื้นตัวจากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น การปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากนโยบายผ่อน
คลายด้านดอกเบี้ยในปี 2012 ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ อีกทั้งแผนพัฒนา
เศรษฐกิจเน้นกระจายรายได้ และปรับการผลิตให้ทันสมัย หนุนการบริโภคภายในประเทศ จึงเป็น
โอกาสเหมาะในการซื้อหรือลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศจีน โดยอนาคตมองว่า
สัญญาณดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจีนแสดงถึงเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุด เงินลงทุนไหลเข้าตลาด North
Asia ต่อเนื่อง และตลาดหุ้นจีนยังมีราคาถูกเมื่อเทียบกับอดีต และตลาดหุ้นถูกเมื่อเทียบกับค่า
เฉลี่ยของตลาดหุ้นเอเชียด้วย ในขณะที่การปรับประมาณการณ์ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
มีเสถียรภาพตามภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง คือ เศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
ในอดีต โดยรัฐบาลยังคงจับตามองฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และแนวโน้มเงินเฟ้อที่เพิ่ม
ขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี อาจทำให้ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีความระมัดระวังในการใช้
นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-
7777 กด 0 กด 6
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น