วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

STPI


STPI คาดรายได้ปีนี้ทำได้ 6.5-7.5 พันลบ. หรือโต 100% จากปีก่อนอยู่ที่ 3.3 พันลบ. 
หลังตุนงานในมือกว่า 2.4 หมื่นลบ.    

	นางสาวเปรมภาว์ หิตะพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ 
จำกัด (มหาชน) หรือ STPI เปิดเผยว่าบริษัทฯ คาดว่ารายได้ปีนี้จะทำได้ประมาณ 6.5-7.5 พัน
ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 100% จากปีก่อนที่ทำได้ 3,352 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทฯ มี
งานในมือ ณ สิ้นปี 2555 กว่า 24,184 ล้านบาท เข้ามาสนับสนุน

               ' คาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการ LCHTHYS MODULE มูลค่างานรวม 22,555 
ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะรับรู้รายได้ประมาณ 25-30% และงาน QC LMC MODULE มูลค่างานรวม 
3,280 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ 25-30% เช่นกัน และสุดท้ายงานจากโครงการ AP 
LNG TIPING ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ฉะนั้นคงทำให้รายได้ของบริษัทฯ 
โตตามเป้าหมายได้ ' นางสาวเปรมภาว์ กล่าว  
	ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมการก่อสร้างในปีนี้บริษัทฯ ประเมินว่าจะไม่ได้รับอานิสงส์
จากการลงทุนของภาครัฐ เนื่องจากบริษัทฯ รับงานส่วนใหญ่ในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมองว่า
งานในส่วนของก๊าซในต่างประเทศนั้นยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในแถบประเทศ
ออสเตรเลีย ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมากและจะเป็นโอกาสของบริษัทฯ ที่จะได้รับ
งานดังกล่าวอีกด้วย 
	อย่างไรก็ตามบริษัทฯ กำลังเตรียมยื่นประมูลงาน LMG Project in Australia ซึ่งมี
มูลค่าโครงการรวมประมาณ 20,000-23,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าจะประมูลงานดัง
กล่าวได้ประมาณ 50% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีโครงการ RESINERY 
Project IN UAE ซึ่งบริษัทฯ ได้ยื่นการประมูลไปแล้วมูลค่าโครงการรวม 3,000-4,500 ล้าน
บาท ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลในไตรมาส 3-4 ปีนี้ 
	' ยังมีอีกโครงการที่บริษัทฯ ได้ยื่นประมูลในโครงการ ADDIPIONAL WORK 
FOR LCHPHYS มูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะรู้ผลในช่วงไตรมาส 
2-3 ปีนี้ ' นางสาวเปรมภาว์ กล่าว

 STPI คาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้อยู่ที่ระดับ 25-30% ลดลงจากปีก่อนที่ 30-35% หลังหมด
สัญญางานมาร์จิ้นสูง      
	นางสาวเปรมภาว์ หิตะพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ 
จำกัด (มหาชน) หรือ STPI   เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ปีนี้
จะอยู่ที่ระดับ 25-30% ซึ่งเข้าสู่ภาวะปกติ แม้จะลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 30-35% เนื่อง
จากปีนี้บริษัทฯ หมดสัญญาในโครงการ QC LNG MODULE ซึ่งโครงการดังกล่าวบริษัทฯ ได้
ปรับราคาขึ้น เนื่องจากมีงานซึ่งใช้การเชื่อมต่อท่อทำให้ราคาการก่อสร้างมีมาร์จิ้นสูงมากกว่างาน
ปกติ 
	อย่างไรก็ตามบริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากบริษัทฯ ได้รับงาน
ใหม่ใน 3 โครงการที่เตรียมยื่นประมูลจะส่งผลให้บริษัทฯ มีงานเต็มมือถึงปีหน้า และจะช่วยให้
รายได้ของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น