วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

HMPRO มูลค่าพื้นฐาน 17.70 บาท


บล.กรุงศรี : HMPRO แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานปี 56 ที่ 17.70 บาท

แนวโน้มเป็นบวกจากการขยายสาขาเชิงรุก และแผนลงทุนใหม่
 คงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมุมมองเชิงบวกต่อแผนการเปิดสาขาใหม่ไม่น้อยกว่า 8 แห่ง แนว
โน้มขาขึ้นของอุปสงค์ต่อการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในประเทศไทย รวมถึงการลงทุนในมาเลเซีย 
และการเข้าสู่ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้าง คาดกำไรปี 56 จะเติบโตในอัตราสูงสุดในกลุ่ม
พาณิชย์ เราเปลี่ยนไปใช้วิธี DCF ในการประเมินมูลค่าพื้นฐานเพื่อสะท้อนการเติบโตระยะยาว
แต่ยังไม่รวมธุรกิจร้านวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ไว้ในประมาณการ

แผนลงทุนใหม่จะผลักดันกำไรระยะยาวเติบโตต่อเนื่อง
 ในการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (26 ก.พ.) นอกเหนือจากเป้าหมายการขยายสาขา
เชิงรุก 8-10 แห่งในปี 56 เน้นทำเลต่างจังหวัด (เปิด 1H56 4 แห่ง และ 2H56 อีก 4-6 แห่ง) 
บริษัทยังมีความคืบหน้าของแผนลงทุนในโครงการใหม่ ได้แก่ i) การขยายสาขาในประเทศ
มาเลเซียที่จัดหาที่ดินได้แล้ว แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนการออกแบบและขอใบอนุญาติ คาดว่าจะเปิด 
2 สาขาแรก ในแถบชานกรุงกัวลาลัมเปอร์ในปี 57 (1Q57 และ 4Q57) และมีโอกาสขยายได้
ถึง 40 สาขาในระยะยาว ii) เข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน 
ภายใต้ชื่อ เมกาโฮม เจาะตลาดกลุ่มผู้รับเหมา ช่าง เจ้าของโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นตลาดกลุ่ม
เดียวกับสยามโกลบอล บุญถาวร และไทวัสดุ คาดว่าจะเปิด 3 สาขาแรกใน 4Q55 (พื้นที่ขาย 1 
หมื่น ตร.ม. ใหญ่กว่าโฮมโปรเท่าตัว) ตั้งเป้าขยายสาขาปีละ 4 แห่ง เน้นกลยุทธ์ความหลากหลาย
ของสินค้า และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคู่แข่ง เรามองว่าทั้งสองปัจจัยจะสนับสนุนยอดขาย และ
ผลักดันการเติบโตของกำไรอย่างมีนัยยะตั้งแต่ปี 57 โดยคาดว่าการแข่งขันของตลาดในมาเลเซีย
ยังไม่รุนแรง ขณะที่ตลาดร้านวัสดุก่อสร้างในประเทศไทยมีช่องว่างในการเติบโตอีกมาก อย่างไร
ก็ตาม ธุรกิจเมกาโฮมจะให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน (โฮมโปร) 
และกดดันการขยายตัวของอัตรากำไรจากการดำเนินงาน

ฐานะการเงินแข็งแกร่งเพียงพอต่องบลงทุนขนาดใหญ่
 HMPRO กำหนดงบลงทุนรวม 9.6 พันล้านบาทในปี 56 สูงกว่าปี 55 ที่ระดับ 5 พัน
ล้านบาท โดย 60% จะนำไปใช้ขยายสาขาโฮมโปร 20% สำหรับลงทุนในธุรกิจใหม่ และ 20% 
สำหรับปรับปรุงสาขาเดิม ด้วย Net D/E ratio 0.48x ณ สิ้นปี 55 และกระแสเงินสดจากการ
ดำเนินงาน 3.4 พันล้านบาทในปี 55 คาดว่า HMPRO มีศักยภาพเพียงพอในการก่อหนี้เพื่อนำ
มาลงทุน และรักษาระดับ Net D/E ไม่ให้เกิน 1.0x อีกทั้งบริษัทยังมีทางเลือกในการระดมทุน
ผ่านการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขนาด 3-5 พันล้านบาท จากการจำหน่ายสินทรัพย์เพื่อ
เช่าในหัวหิน ภูเก็ต บางนา และถนนราชพฤกษ์ ให้กองทุนฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา คาดจะเกิด
ขึ้นเร็วที่สุดใน 2H56

คาดกำไรปี 56 โตต่อเนื่อง 30%YoY
 เรารวมการขยายสาขาโฮมโปรในประเทศมาเลเซีย 2 แห่ง ไว้ในประมาณการปี 57 
แต่ยังไม่รวมการลงทุนในเมกาโฮม เนื่องจากเป็นธุรกิจใหม่ และยังต้องการรายละเอียดชัดเจน
เพิ่มเติม โดยเราได้ปรับสมมติฐานการขยายสาขา, อัตรากำไรขั้นต้น, งบลงทุน และดอกเบี้ยจ่าย
ในปี 56-57 คาดว่ากำไรสุทธิปี 56 จะเติบโตต่อเนื่อง 30%YoY เป็น 3.49 พันล้านบาท จาก
การขยายสาขา, อุปสงค์ต่ออุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่เติบโตตามธุรกิจที่อยู่อาศัย และอัตราภาษีลดลง
จาก 23% เป็น 20 ส่วนปี 57 คาดกำไรจะเติบโต 16%YoY เป็น 4.06 พันล้านบาท หากรวม
ธุรกิจเมกาโฮม คาดว่าจะกดดันให้ประมาณการกำไรปี 57 ของ HMPRO ลดลงจากประมาณ
การเดิมราว 9% เนื่องจากคาดว่าธุรกิจเมกาโฮมจะมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าโฮมโปรราว 40% 
(อิงอัตรากำไรขั้นต้นของ GLOBAL) และดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้นตามงบลงทุน แต่ยอดขายที่ขยายตัว
จะผลักดันให้กำไรขยายตัวสูงขึ้นในระยะยาว

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานปี 56 เป็น 17.70 บาท
 เราปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเป็น 17.70 บาท จาก 16.20 บาท โดยเปลี่ยนวิธีการ
ประเมินมูลค่าเป็น DCF (WACC 8.0% และ Terminal growth 3%) จากเดิมที่อ้างอิง P/E 
33x เพื่อสะท้อนผลได้ระยะยาวจากการขยายธุรกิจเชิงรุกทั้งในประเทศและมาเลเซีย ทั้งนี้ มูลค่า
พื้นฐานใหม่คิดเป็น P/E 35x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลังของหุ้น 5 ปี บวก 1SD. เรามองว่า 
HMPRO ควรซื้อขายที่พรีเมี่ยมจากการเติบโตของกำไรที๋โดดเด่น และโอกาสการเติบโตใน
อนาคตหากรวมธุรกิจเมกาโฮม เราประเมินว่าจะเป็น potential upside ต่อมูลค่าพื้นฐานเพิ่ม
ขึ้นจากปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 2 บาท ทั้งนี้ มูลค่าพื้นฐานของ HMPRO หลังขึ้นเครื่องหมาย XD 
(จ่ายหุ้นปันผลในวันที่ 30 เม.ย. 56) จะอยู่ที่ 15.20 บาท คงคำแนะนำซื้อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น