TICON เผยปีนี้ปรับขึ้นค่าเช่าคลังสินค้า 10-15% หลังต้นทุนที่ดินและค่าก่อสร้างพุ่ง
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น
จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทฯ จะปรับราคาค่าเช่าคลังสินค้าขึ้น 10-15%
จากปีก่อน โดยเฉพาะคลังสินค้าและโรงงานใหม่ที่สร้างเสร็จแล้ว เนื่องจากปัจจุบันราคาต้นทุน
ของที่ดินและต้นทุนของค่าก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยปีนี้มูลค่าการก่อสร้างมีต้นทุนสูงกว่า 8-10% ส่วนราคาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม
ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ซึ่งปัจจุบันราคาขายที่ดินปรับตัว
เพิ่มขึ้นกว่า 8% ฉะนั้นคงส่งผลให้บริษัทฯ ต้องปรับราคาค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากเดิม
TICON เผยปีนี้เตรียมงบลงทุนไว้ที่ 8 พันลบ. ซื้อที่ดินสร้างคลังสินค้า-โรงงาน
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น
จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนประมาณ 8 พันล้านบาท
เพื่อซื้อที่ดินในปีนี้ 3 พันกว่าล้านบาท และบางส่วนจะนำไปขยายและก่อสร้างคลังสินค้าพื้นที่
ประมาณ 2.5 แสนตารางเมตร และโรงงานอีก 1.2 แสนตารางเมตร
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่ของคลังสินค้าอยู่ที่ประมาณ 3.6-3.7 แสนตารางเมตร
ส่วนพื้นที่โรงงานมีทั้งหมดกว่า 4 แสนตารางเมตร อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบริษัทฯ มีลูกค้าราย
ใหม่และรายเก่าเข้ามาติดต่อเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าในประเทศ
และต่างประเทศ โดยลูกค้าต่างประเทศจะเป็นชาวญี่ปุ่นประมาณ 10-20% ซึ่งประกอบธุรกิจใน
อุตสาหกรรมยานยนต์
TICON ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็นโต 30% หรือแตะ 7.5 พันลบ. จากเดิมคาดอยู่ที่ 7.3
พันลบ. หลังเล็งขายสินทรัพย์เข้ากองทุน
นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น
จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ ปรับเพิ่มเป้ารายได้เป็นเติบโตประมาณ
30% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 7,550 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 7,300 ล้านบาท
หลังจากที่เตรียมขายสินทรัพย์เข้ากองทุนมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้
โดยการขายสินทรัพย์ดังกล่าวจะแบ่งเป็นการขายเข้ากองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์บาง
ส่วน ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ กำลังศึกษาการขายทรัพย์สินเข้ากองทุนรีทอีกด้วย นอกจากนี้ยังคาด
ว่าจะมีรายได้จากค่าเช่าคลังสินค้าประมาณ 1,100 ล้านบาท และเป็นรายได้จากเงินปันผล
ประมาณ 300 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ ประมาณ 150 ล้านบาท ฉะนั้นจะส่งผลให้
บริษัทฯ รับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 7,550 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 5,800 ล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/2556 บริษัทฯ ประเมินว่าอาจไม่หวือ
หวามากนัก เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่เป็นสัดส่วนจากค่าเช่าคลังสินค้า ซึ่งตามปกติแล้วตัวเลขราย
ได้จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และ 4 เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนจะขายสินทรัพย์เข้ากองทุน
ในไตรมาสดังกล่าว
' แนวโน้มของธุรกิจปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน
ประกอบกับค่าเช่าคลังสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการกระจายพื้นที่ของคลังสินค้า
และโรงงาน เพื่อลดความเสี่ยงและทำให้ผลประกอบการปีนี้น่าจะดีขึ้นจากปีก่อน' นายวีรพันธ์
กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น